โครงการ "เขาเล่าว่า" เป็นโครงการที่ชูแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยนำเอาเรื่องเล่า ตำนานของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวด้วย สำหรับโครงการนี้ได้นำเอา 24 แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาทำการประชาสัมพันธ์ประกอบด้วย แหล่งท่องเที่ยวจากภาคต่างๆ ประกอบด้วย
ภาคเหนือ
1. สะพานแห่งความสำเร็จ : สะพานซูตองเป้ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
2. ประตูรักแห่งขุนเขา : ประตูผาบ่อง ดอยผาตั้ง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
3. ม่อนโยนเคราะห์ : ม่อนเสาพิศวง อ.วังชิ้น จ.แพร่
4. เมืองที่ห้ามพูดโกหก : เมืองลับแล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
5. พระยาช้างชนะศึก : กู่ช้าง กู่ม้า อ.เมือง จ.ลำพูน
ภาคกลาง
6. พระประทานพร : - หลวงพ่อสด วัดจันทรังษี อ.เมือง จ.อ่างทอง
- พระพุทธเจ้าองค์ใหญ่ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
- พระนอน วัดขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
7. เขาหนุมานวัดใจ : เขาวงพระจันทร์ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
8. หนูนำสาร : - พระพิฆเนศองค์นอน วัดสมานรัตนาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
- พระพิฆเนศองค์ยืน อุทยานพิฆเนศคลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
- พระพิฆเนศองค์นั่ง วัดโพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
9. พระปางขอฝน : พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ วัดทิพย์สุคนธาราม อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
ภาคอีสาน
10. หินชมนภา : หาดชมดาว อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี
11. มหายุทธแดนอีสาน : พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก อ.เมือง จ.ยโสธร
12. ถ้ำพญานาค : ศาลพญานาค สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2 อ.เมือง จ.มุกดาหาร
13. วิมานเทวดา : ภูทอก อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
14. ผ้าผิวสวย : ผ้าย้อมคราม จ.สกลนคร และ จ.อุดรธานี
15. แห่นาคโหด : แห่นาคโหด บ้านโนนเสลา จ.ชัยภูมิ
ภาคตะวันออก
16. เกาะแห่งรัก : สะพานอัษฎางค์ และ ช่องอิศริยาภรณ์ หรือ ช่องเขาขาด เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
17. มหัศจรรย์ทรายดำ : ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติหาดทรายดำและป่าชายเลน
อ.แหลมงอบ จ.ตราด
18. ป่าสีทอง : ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง
19. สะดือมังกร : หาดเตยงาม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ภาคใต้
20. สันหลังมังกร : หาดสันหลังมังกร อ.เมือง จ.สตูล
21. พระแอด-ปวดหาย : พระกัจจายนะ(พระแอด) วัดพระมหาธาตุวรวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
22. น้ำตาศักดิ์สิทธิ์ : เขาหงอนนาค อ.เมือง จ.กระบี่
23. สะพานแห่งความสุข : สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
24. อุโมงค์แสงมรกต : ลานแสงมรกต ถ้ำภูผาเพชร อ.มะนัง จ.สตูล
Thursday, January 7, 2016
Wednesday, January 6, 2016
อะไรเอ่ย “12 เมืองต้องห้าม...พลาด PLUS”
เป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจ และจะถูกนำมาเสนอผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยที่จะถึงนี้ ทำไมต้องมี Plus เพิ่มเข้ามา มีแล้วจะมีความแตกต่างจาก 12 เมืองต้องห้ามเดิมอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ ...
หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจาก "โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด" ในปี 2558 ซึ่งส่งผลให้เมืองรองทั้ง 12 เมือง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชม และมียอดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นทั้ง 12 เมือง
ในปี 2559 นี้เอง ททท. จึงได้มีการประชุมและจัดทำแผนโครงการ ต่อเนื่องจากโครงการเดิม นั่นก็คือโครงการ “12 เมืองต้องห้าม...พลาด PLUS” โดยในโครงการนี้มีแผนที่จะทำการเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวจากเมืองรองทั้ง 12 เมือง ไปสู่เมืองใกล้เคียง กล่าวคือ
1. ลำปาง (เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา) เชื่อมโยงลำพูนการท่องเที่ยวเมืองเก่ากลิ่นอายของวันวาน
2. น่าน (กระซิบรักเสมอดาว) เชื่อมโยงแพร่การท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบช้าๆ ดื่มด่ำรายละเอียด
3. เพชรบูรณ์ (ภูดอกไม้สายหมอก) เชื่อมโยงพิษณุโลกการท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงามภูเขา ดอกไม้สายหมอก
4. เลย (เย็นสุด...สุขที่เลย) เชื่อมโยงชัยภูมิการท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม UNSEEN และ ADVENTURE
5. บุรีรัมย์ (เมืองปราสาทสองยุค) เชื่อมโยงสุรินทร์การท่องเที่ยวปราสาทหินโบราณ และอารยธรรมขอม
6. ราชบุรี (ชุมชนคนอาร์ต) เชื่อมโยงสุพรรณบุรีด้วยศิลปะพื้นบ้าน ศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และพิพิธภัณฑ์ระดับจังหวัดและชุมชน
7. สมุทรสงคราม (เมืองสายน้ำสามเวลา) เชื่อมโยงนครปฐมการท่องเที่ยววิถีชีวิตสายน้ำ
8. จันทบุรี (สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้) เชื่อมโยงสระแก้วการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสู่อรัญประเทศ
9. ตราด (เมืองเกาะในฝัน) เชื่อมโยงระยองการท่องเที่ยวแบบหรูหราท่องเที่ยวทางทะเล
10. ชุมพร (หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้) เชื่อมโยงระนองการท่องเที่ยวทางทะเล/เกาะและสวนกาแฟ
11. ตรัง (ยุทธจักรความอร่อย) เชื่อมโยงสตูลการท่องเที่ยวด้วยอาหารอร่อยขึ้นชื่อของพื้นถิ่น
12. นครศรีธรรมราช (นครสองธรรม) เชื่อมโยงพัทลุงด้วยสินค้าท่องเที่ยวแบบธรรมะและธรรมชาติ
โครงการ "เมืองต้องห้ามพลาด..PLUS" เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการเดิม อาศัยความสำเร็จของการจัดการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดในโครงการเดิมต่อทอดออกไปสู่จังหวัดใกล้เคียง
จากเดิม 12 เมือง กระจายออกเป็น 24 เมือง
ถ้าหากมีความสงสัยว่าจังหวัดไหนเป็นที่เพิ่มเข้ามาจากแคมเปญเดิม ง่ายๆ คือ ให้สังเกต แต่ละคู่จังหวัดจะใช้สีพื้นเดียวกัน จังหวัดที่เพิ่มใหม่ในโครงการ "เมืองต้องห้าม...พลาด PLUS" จะมีเครื่องหมายบวกตามในภาพ
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://เทศกาลเที่ยวเมืองไทย.blogspot.com/
#sawasdeetatblog2016 #ThailandTourismFestival2016 #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี2559 #AmazingThailand #DiscoverThainess #TourismThailand #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่36
หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจาก "โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด" ในปี 2558 ซึ่งส่งผลให้เมืองรองทั้ง 12 เมือง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชม และมียอดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นทั้ง 12 เมือง
ในปี 2559 นี้เอง ททท. จึงได้มีการประชุมและจัดทำแผนโครงการ ต่อเนื่องจากโครงการเดิม นั่นก็คือโครงการ “12 เมืองต้องห้าม...พลาด PLUS” โดยในโครงการนี้มีแผนที่จะทำการเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวจากเมืองรองทั้ง 12 เมือง ไปสู่เมืองใกล้เคียง กล่าวคือ
1. ลำปาง (เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา) เชื่อมโยงลำพูนการท่องเที่ยวเมืองเก่ากลิ่นอายของวันวาน
2. น่าน (กระซิบรักเสมอดาว) เชื่อมโยงแพร่การท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบช้าๆ ดื่มด่ำรายละเอียด
3. เพชรบูรณ์ (ภูดอกไม้สายหมอก) เชื่อมโยงพิษณุโลกการท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงามภูเขา ดอกไม้สายหมอก
4. เลย (เย็นสุด...สุขที่เลย) เชื่อมโยงชัยภูมิการท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม UNSEEN และ ADVENTURE
5. บุรีรัมย์ (เมืองปราสาทสองยุค) เชื่อมโยงสุรินทร์การท่องเที่ยวปราสาทหินโบราณ และอารยธรรมขอม
6. ราชบุรี (ชุมชนคนอาร์ต) เชื่อมโยงสุพรรณบุรีด้วยศิลปะพื้นบ้าน ศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และพิพิธภัณฑ์ระดับจังหวัดและชุมชน
7. สมุทรสงคราม (เมืองสายน้ำสามเวลา) เชื่อมโยงนครปฐมการท่องเที่ยววิถีชีวิตสายน้ำ
8. จันทบุรี (สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้) เชื่อมโยงสระแก้วการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสู่อรัญประเทศ
9. ตราด (เมืองเกาะในฝัน) เชื่อมโยงระยองการท่องเที่ยวแบบหรูหราท่องเที่ยวทางทะเล
10. ชุมพร (หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้) เชื่อมโยงระนองการท่องเที่ยวทางทะเล/เกาะและสวนกาแฟ
11. ตรัง (ยุทธจักรความอร่อย) เชื่อมโยงสตูลการท่องเที่ยวด้วยอาหารอร่อยขึ้นชื่อของพื้นถิ่น
12. นครศรีธรรมราช (นครสองธรรม) เชื่อมโยงพัทลุงด้วยสินค้าท่องเที่ยวแบบธรรมะและธรรมชาติ
ถ้าหากมีความสงสัยว่าจังหวัดไหนเป็นที่เพิ่มเข้ามาจากแคมเปญเดิม ง่ายๆ คือ ให้สังเกต แต่ละคู่จังหวัดจะใช้สีพื้นเดียวกัน จังหวัดที่เพิ่มใหม่ในโครงการ "เมืองต้องห้าม...พลาด PLUS" จะมีเครื่องหมายบวกตามในภาพ
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://เทศกาลเที่ยวเมืองไทย.blogspot.com/
#sawasdeetatblog2016 #ThailandTourismFestival2016 #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี2559 #AmazingThailand #DiscoverThainess #TourismThailand #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่36
Monday, January 4, 2016
อะไรเอ่ย "เมืองต้องห้าม...พลาด"
"เมืองต้องห้าม...พลาด" คือ อะไร หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าคำๆ นี้คืออะไร และมีที่มาอย่างไร วันนี้ขอนำเสนอความหมายและที่มาของโครงการนี้ "เมืองต้องห้าม...พลาด" คือ โครงการที่ ททท. กำหนดขึ้นในปี 2558 เพื่อทำการผลักดันให้เมืองรองที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว แต่ถูกมองข้าม นักท่องเที่ยวนึกไม่ค่อยถึง ไม่ค่อยมีความสนใจในการเดินทางไปท่องเที่ยว โครงการนี้จะทำการเชื่อมโยงการเดินทางจากเมืองหลัก ไปสู่เมืองรองเหล่านี้ เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมตลอดจนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยการร่วมมือกับ กรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวในจังหวัด หรือพื้นที่นั้นมากยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการนี้ ททท. คัดเลือกเมืองรองจากทุกภูมิภาค จำนวน 12 เมืองเข้ามาไว้ในโครงการ กล่าวคือ
1. ภาคเหนือ
ลำปาง : เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา
เพชรบูรณ์ : ภูดอกไม้สายหมอก
น่าน : กระซิบรักเสมอดาว
2. ภาคอีสาน
บุรีรัมย์ : เมืองปราสาทสองยุค
เลย :เย็นสุด...สุขที่เลย
3. ภาคกลาง
สมุทรสงคราม : เมืองสายน้ำสามเวลา
ราชบุรี : ชุมชนคนอาร์ต
4. ภาคตะวันออก
ตราด : เมืองเกาะในฝัน
จันทบุรี : สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้
5.ภาคใต้
ตรัง : ยุทธจักรความอร่อย
ชุมพร : หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้
นครศรีธรรมราช : นครสองธรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://12citieshiddengems.tourismthailand.org
http://xn--12cm0cbb2dgdvwg0ezc2b7a8jfe4fsd.blogspot.com
#sawasdeetatblog2016 #ThailandTourismFestival2016 #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี2559 #AmazingThailand #DiscoverThainess #TourismThailand #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่36
สำหรับโครงการนี้ ททท. คัดเลือกเมืองรองจากทุกภูมิภาค จำนวน 12 เมืองเข้ามาไว้ในโครงการ กล่าวคือ
1. ภาคเหนือ
ลำปาง : เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา
เพชรบูรณ์ : ภูดอกไม้สายหมอก
น่าน : กระซิบรักเสมอดาว
2. ภาคอีสาน
บุรีรัมย์ : เมืองปราสาทสองยุค
เลย :เย็นสุด...สุขที่เลย
3. ภาคกลาง
สมุทรสงคราม : เมืองสายน้ำสามเวลา
ราชบุรี : ชุมชนคนอาร์ต
4. ภาคตะวันออก
ตราด : เมืองเกาะในฝัน
จันทบุรี : สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้
5.ภาคใต้
ตรัง : ยุทธจักรความอร่อย
ชุมพร : หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้
นครศรีธรรมราช : นครสองธรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://12citieshiddengems.tourismthailand.org
http://xn--12cm0cbb2dgdvwg0ezc2b7a8jfe4fsd.blogspot.com
#sawasdeetatblog2016 #ThailandTourismFestival2016 #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี2559 #AmazingThailand #DiscoverThainess #TourismThailand #เทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่36
Sunday, January 3, 2016
เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2558
อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้ว นั่นก็คืองานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่ 36 ซึ่งเป็นงานกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของประเทศไทย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปสัมผัสกับงานนี้ต้องขอบอกว่าท่านพลาดงานดีๆ ไปแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไรเพราะงานนี้มีการจัดต่อเนื่องกันไปแทบจะทุกปี โดยแต่ละปีก็จะมีจุดเด่น หรือ เรื่องราวที่นำเสนอที่แตกต่างกันไป
สำหรับโพสนี้จะขอนำเสนองานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 35 เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องรองานที่กำลังจะมาถึงนี้
สำหรับงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่ 35 นั้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 18 มกราคม 2558 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร
ซุ้มประตูทางเข้า น่ารักกิ๊บเก๋เกินบรรยาย
งานนี้มีคนเข้าร่วมประมาณหกแสนคนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
โดยในปี 2558 รัฐบาลก็ได้ประกาศให้เป็น "ปีท่องเที่ยววิถีไทย" ด้วย และนับเป็นปีแรกที่ ททท. ได้ใช้พื้นที่สวนลุมพินี ของกรุงเทพมหานครเป็นสถานที่จัดงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ซึ่งก็นับว่าเป็นพื้นที่ที่มีความกว้างขวาง การเดินทางสะดวกสบาย อยู่ใจกลางเมือง มีความเหมาะสมในหลายๆ ประการ
บรรยากาศยามหน้าหนาวกับของดีเมืองไทยในภูมิภาคต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง
และจากการที่องค์ประกอบหลายๆ อย่างลงตัวนั้นเอง ทำให้งานนี้ ททท. ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในแง่ของจำนวนผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมภายในงาน ซึ่งมีจำนวนสูงสุดกว่าทุกๆ ปีที่เคยจัดมา
ภายในงาน ททท. ได้แบ่งโซนพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ และที่พลาดไม่ได้ ก็คือพื้นที่จัดการแสดงของภูมิภาคต่างๆ โดยมีคอนเซป ดังนี้
ภาคกลาง มีสโลแกนว่า “เที่ยวหลากหลาย สไตล์ภาคกลาง”
ภาคเหนือมีสโลแกนว่า “วัฒนธรรมล้ำค่า งามผืนป่าธรรมชาติ”
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสโลแกนว่า “แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม”
ภาคตะวันออกมีสโลแกนว่า “สีสันตะวันออก”
ภาคใต้มีสโลแกนว่า “ป่าสวยทะเลใส หลากหลายวัฒนธรรม”
งานนี้ทำให้คนที่จากบ้านเกิดมานานๆ ได้หายคิดถึงบ้านกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นดนตรีพื้นบ้าน การแสดงโขน หมอลำ มโนราห์ หุ่นละครเล็ก ฯลฯ
ยกจังหวัดมาให้หายคิดถึง
มีการจัดการแสดงโชว์ให้ดูฟรีๆ ตลอดทั้งงาน
แสงไฟสาดส่องเร้าใจ ให้เข้าไปค้นหา
ในส่วนของเวทีในงานนั้นถูกแบ่งออกเป็นหลายเวที ซึ่งแต่ละเวทีก็จะมีคอนเสิร์ต กิจกรรมการแสดง การเล่นเกมส์ ฯลฯ แตกต่างกันไปในแต่ละเวที ซึ่งอาจต้องหาข้อมูลล่วงหน้ากันก่อนถึงโปรแกรมในแต่ละเวที เพื่อที่จะได้ไม่พลาดกิจกรรมเด็ดๆ ที่น่าสนใจ
พื้นที่จัดกิจกรรมของ ททท. อยู่บริเวณใกล้ๆ กับประตูทางเข้าหลัก
TAT Contact Center มาให้สัมผัสตัวเป็นๆ ในงาน
โดยรวมแล้ว เทศกาลเที่ยวเมืองไทยในปี 2558 ถือว่าประสปความสำเร็จในการจัดงานเป็นอย่างสูง มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก และได้ประชาสัมพันธ์กระตุ้นให้เกิดการรับรู้และเกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากยอดจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2558 สูงขึ้นอย่างชัดเจน
Saturday, January 2, 2016
Clip เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งแรก-ปัจจุบัน
วิดีทรรศแสดงความเป็นมาของงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
Clip สั้นๆ นำเสนองานตั้งแต่การจัดงานครั้งที่ 1 เมื่อปี 2523 ซึ่งรัฐบาลประกาศเป็นปีท่องเที่ยวไทย และมีการจัดงานแสงสีเสียงสะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นปีแรก ไล่เรียงเรื่อยมาจนถึงปีปัจจุบันเลยทีเดียว
Friday, January 1, 2016
ความเป็นมาของการจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
การส่งเสริมและการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ เป็นภารกิจที่สำคัญภารกิจหนึ่งของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
เมื่อเดือนมกราคม ปี 2558 ที่ผ่านมา ททท. จึงได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 35 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 14-18 มกราคม 2558 โดยเลือกสถานที่การจัดงาน ณ สวนลุมพินีเป็นครั้งแรก
ภายในงาน ททท. ได้นำเสนอสาระเพื่อสร้างแรงจูงใจ และส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว เกิดการกระจายรายได้ในประเทศ รวมถึงสร้างการรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ แต่ละภูมิภาคทั้งในด้านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และภูมิปัญญาของท้องถิ่น อันจะนำไปสู่ความเข้าใจและการตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้านวิชาการ และเผยแพร่ผลงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ การจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2558 ปรากฏผลความประทับใจต่อการจัดงานในสัดส่วนสูงสุดเท่าที่ผ่านมา ด้วยผู้เข้าร่วมชมงานถึง 600,000 ราย สร้างเงินหมุนเวียนทางตรงและเงินหมุนเวียนทางอ้อม รวมจำนวนเงินถึง 405.0 ล้านบาท
ในการนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ในการจัดงาน ททท. จึงกำหนดให้จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร เป็นไปอย่างต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง ซึ่งในปี 2559 นี้ ได้กำหนดไว้ในระหว่างวันที่ 13-17 มกราคม 2559
Subscribe to:
Posts (Atom)